รักนี้สดใสเพราะใจเราตรงกัน - รักนี้สดใสเพราะใจเราตรงกัน นิยาย รักนี้สดใสเพราะใจเราตรงกัน : Dek-D.com - Writer

    รักนี้สดใสเพราะใจเราตรงกัน

    ฉันคิดว่าฉันต้องโดนดีแน่ๆ ฉันหลับตาปี๋ แต่ไม่ยักมีอะไรเกิดขึ้น ฉันลืมตาขึ้นด้วยความหวาดกลัว จริงหรอขอโทษละกันนะ ิืืคำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกจากปากของคนอย่างเขา

    ผู้เข้าชมรวม

    545

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    545

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ย. 48 / 14:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สายน้ำที่กระทบหาดทราย  สายลมที่พัดผ่าน  ในค่ำคืนที่มืดมิดมีเพียงแสงไฟจากห้องพักห้องหนึ่งริมหาดทรายเป็นแสงส่อง  แสง
      ไฟนั้นมาจากห้องฉันเอง ใช่ฉันยังนอนไม่หลับ  ไม่รู้เหมือนกันว่าความเศร้ามากมายมันมาจากไหนทำให้น้ำตาของฉันเริ่มรินไหล  ฉันคิดผิด
      หรือถูกนะที่บอกกับเค้าไปอย่างนั้น  ฉันคิดกับตัวเองเมื่อฉันคิดถึงเขาแล้วทำให้ฉันต้องร้องไห้  ทั้งๆที่ฉันเป็นคนเลือกทางเดินนี้เอง  ฉันเฝ้านึก
      ถึงวันที่ผ่านมา วันที่ฉันมีความสุข  วันที่ทำให้ฉันต้องเสียน้ำตา  
          
                เช้าที่สดใสของวันวันหนึ่ง  ถึงแม้ว่าบ้านของฉันจะอยู่ในตัวเมือง  แต่ฉันก็ยังคงได้ยินเสียงนกร้องในยามเช้า  มันช่างเป็นเช้าที่ค่อนข้าง
      หนาวทีเดียว

      “ตื่นได้แล้วลูกแก้ว”เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น  ฉันชอบช่วงปิดเทอมมากเลย  แต่สิ่งที่ฉันชอบมันมักจะไม่อยู่กับฉันเสมอไป  เพราะพรุ่งนี้
      ก็เปิดเรียนแล้ว  

      “ครูมีนักเรียนใหม่จะมาแนะนำให้รู้จัก”เสียงที่เรียกร้องความสนใจของนักเรียนในห้องและฉันเป็นอย่างดี  

      “นี่นายบาสเดินเข้ามาสิ  เอาเสื้อยัดใส่กางเกงด้วย” ทุกคนต่างตั้งตารอถึงสิ่งที่จะเล็ดรอดเข้ามาในประตู  ก้าวแรกที่นายบาสเดินเข้ามา  ฉันเชื่อว่าทุกคนในห้องก็คิดเช่นเดียวกับฉัน  เขาดูเป็นเด็กที่ดูเกเร น่ากลัวเสียด้วย  ฉันรู้สึกแย่นิดนึงที่เขาต้องมานั่งข้างหลังฉัน  ฉันไม่อยากจะหันหลังไปหาหมอนั่นเลย ถ้าหมอนั่นไม่ปากระดาษที่ถูกปั้นเป็นก้อนกลมๆใส่หัวฉันมันทำให้ฉันโมโหมาก  


      “เดี๋ยวฉันถอดขาเก้าอี้ออก2ข้าง  อยากรู้นักว่าจะนั่งได้มั๊ย” เสียงอาจารย์โรสกล่าวกับนายบาสที่กำลังนั่งเก้าอี้2ขา

      “ถอดสิครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผมจะนั่งได้หรือเปล่า”น้ำเสียงที่ไม่รู้สึกสะทกสะท้านของนายบาสดังขึ้นท่ามกล่างความเงียบของห้องเรียน หมอนั่นเคยกลัวอะไรกับเค้าบ้างไหมเนี่ย ฉันทึ่งในความไม่กลัวใครของเขา  แต่แปลกที่อาจารย์ไม่สนใจอะไร

      “ก็แน่ล่ะเขาเป็นถึงหลานผู้อำนวยการโรงเรียนนี้นี่” เสียงกระซิบกระซาบของเด็กหญิงน้ำฝนเพื่อนของฉันกล่าวขึ้น


                ไม่นะฉันจำได้ว่าฉันวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะแล้วมันหายไปได้ยังไง  ฉันพยายามมองหากระเป๋าอย่างกระวนกระวายทุกซอกทุกมุมฉันซึ่งหาจนทั่วแต่ก็ไม่พบ  ตกเย็นหลังเลิกเรียนฉันยังไม่กลับบ้านฉันพยายามหากระเป๋าเนื่องจากในนั้นมีกุญแจบ้านอยู่ฉันจึงไม่สามารถกลับบ้านได้ถ้ายังไม่เจอกระเป๋า  

      “ว่าไงป้ายังไม่กลับบ้านอีกหรอ”ฉันหันไปหาต้นเสียงนั้นปรากฏว่าเป็นนายบาสนั่นเอง  

      “ยุ่งน่ะ ”ฉันเริ่มฉุนตั้งแต่เห็นหน้านายนี่  

      “ว้า  ฉันกะจะเอาของสำคัญที่เธอหาอยู่มาคืนซะหน่อย..เปลี่ยนใจแระไม่คืนดีกว่า” ฉันหันไปพบกระเป๋าของฉันอยู่ที่มือหมอนั่น  ฉันไม่
      อยากเชื่อเลยว่าเขาจะแกล้งฉันถึงขนาดนี้  ทันใดนั้นฉันก็รีบวิ่งไปชิงกระเป๋าที่เป็นของฉันคืน  แต่ทำไมนะยิ่งฉันวิ่งไล่เขากลับวิ่งหนีไปไกล
      ทุกทีๆจนฉันหาเขาไม่เจอ  ฉันรู้สึกแทบจะร้องไห้มีคำถามมากมายก่อตัวขึ้น ทำไมนะต้องแกล้งกันด้วย  ฉันพยายามคิดว่าฉันจะต้องหาเจอไม่
      สิฉันต้องได้กระเป๋าคืน  

      “ว้าย” เสียงอุทานของฉันดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดยามเย็น

      “ตกใจไปได้ฉันเอง  กลัวผีล่ะสิ55”   จะใช่ใครที่ไหนซะอีกล่ะนายบาสตัวการของเรื่องทั้งหมด  

      “นายอ่ะน่ากลัวกว่าผีซะอีก เอาของๆฉันคืนมาด้วย”  

      “พูดดีดีก่อนสิจ๊ะ  ฉันถึงจะคืนให้” นี่มันอะไรกันนายต่างหากที่ต้องมาพูดดีดีกับฉันเพราะนายเอาของๆฉันไป  

      “เร็วๆน้าเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจไม่รู้ด้วยนะ”  นี่มันบีบบังคับกันชัดๆความจำเป็นที่ฉันต้องเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาด้วยความไม่เต็มใจ  

      “ฉันขอกระเป๋าคืนได้ไหมคะ”  

      “ต้องอย่างนี้สิยายบ้องแบ๊ว”หมอนั่นกล่าวพร้อมเอามือลูบหัวฉัน  ไม่อยากเชื่อหมอนั่นเรียกฉันว่าอะไรนะบ้องแบ๊วงั้นหรอ  

      ในที่สุดฉันก็ได้กระเป๋าของฉันคืน ฉันเดินลงบันไดจากชั้น3ลงมาเรื่อยๆจนชั้นสุดท้าย เรื่องที่ไม่คาดฝันก็มาประจักษ์ตรงหน้าฉัน  

      “ตายล่ะสิ อาคารปิดแล้ว”วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ยฉันถึงเจอกับเรื่องแย่ๆทั้งวัน  

      “ใครก็ได้ช่วยหนูบ้องแบ๊วด้วยฮ่าๆ”เสียงที่ฉันไม่อยากได้ยินดังมาจากข้างหลังของฉัน  เขาไม่กลัวอะไรเลยหรือไงฉันคิดเมื่อหันไปพบกับนายบาสที่เดินลงบันไดตามมา  

      “นายมีโทรศัพท์มือถือไหม”ฉันพยายามหาวิธีออกจากอาคารเรียน  

      “มีสิ แต่แบตใกล้หมดแล้วนะ”ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใจดีถึงขนาดนี้  

      “แม่คะไม่ต้องเป็นห่วงแก้วนะคะ ตอนนี้แก้วอยู่….”ฉันหยุดพูดเมื่อเสียงจากโทรศัพท์ดับนั่นคือสัญญาณที่บอกว่าแบตหมดแล้ว  และเป็นสัญญาณที่บอกว่าฉันต้องอยู่ที่นี่จนเช้า  
          
                “หนาวจัง”ฉันเอ่ยพร้อมเอามือกอดอก ตอนนี้ฉันอยู่ตรงมุมๆหนึ่งของห้อง  

      “เอ้า เอาไปใส่ซะ”เขากล่าวพร้อมกับโยนเสื้อของเขามาที่ฉัน

      “แล้วนายไม่หนาวหรอ”ฉันถามเขา  

      “หนาวสิถามได้  แต่ฉันเป็นคนทำให้เธอต้องมาติดอยู่ที่นี่…ช่างเหอะ  บอกให้ใส่ก็ใส่สิ”เขากล่าวแล้วเดินมานั่งเบียดฉัน  ฉันเชื่อแล้วว่าเขาหนาวจริงๆ ฉันสังเกตเห็นว่าเขาขนลุกแต่เขาไม่บ่นหนาวสักคำ  

      ฉันเพลียกับการตามหากระเป๋าตอนกลางวันจึงผล่อยหลับไป  ฉันลืมตาตื่นขึ้นเมื่อแสงแดดอุ่นๆลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา  ฉันต้องตกใจกับสภาพของตัวเองในขณะนั้น ฉันกำลังเอนตัวพิงเขา  ฉันผละตัวออกจากเขาแต่เป็นกลับการทำให้เขาตื่นขึ้น  เขามองฉันแล้วยิ้มอย่างมีเลิศนัยแล้วกล่าวขึ้นมาว่า

      “อรุณสวัสดิ์ยายบ้องแบ๊ว”  ฉันไม่สนใจคำพูดของเขา  ฉันเดินลงบันไดไปชั้นสุดท้ายอีกครั้ง ไชโยประตูเปิดแล้ว ฉันรีบเดินออกจากประตูไปหน้าโรงเรียนก็พบกับครูใหญ่ฉันกล่าวสวัสดีท่าน  

      “ทำไมนายถึงไม่กลับบ้าน” ท่านไม่ได้ถามฉัน เพราะสายตาของท่านมองเลยฉันไป  ท่านถามนายบาสที่กำลังเดินตามมานั่นเอง

      “เค้าติดอยู่ในอาคารเรียนค่ะ  โทรศัพท์แบตหมดค่ะเลยติดต่อไม่ได้” ฉันอยากจะช่วยเขาบ้าง  

      “ไม่น่าจะใช่หรอกลูก  บาสเค้ามีกุญแจอยู่น่ะ”  ฉันนึกสงสัยขึ้นมาจึงหันไปหาเขา  

      “คือว่าผมหิวแล้วนะ  คุณอาจะไม่พาผมไปกินข้าวเลยหรอ”  สิ้นประโยคที่เขาพูดฉันก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันทีจนลืมเรื่องกุญแจเสียสนิท  ครูใหญ่หรือคุณอาของนายบาสก็พาฉันไปทานข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆกันนั้น
          
                “แก้วกับบาสคบกันแล้วหรอ…ว่าแล้วรักหลอกจึงหยอกเล่น”เสียงพูดของใครคนใดคนหนึ่งที่กำลังจับกลุ่มคุยกันในห้อง เล็ดลอดเข้าหู
      ฉัน  ฉันคิดว่าบาสก็คงได้ยินเช่นเดียวกับฉัน  แต่เขาดูท่าทางเฉยเมยไม่รู้สึกอะไรนัก  สักพักเขาก็เดินออกจากห้อง  นายนี่ชอบโดดเรียน
      ประจำขนาดตอนที่เขาเดินออกจากห้องยังไม่มีใครสนใจเลยเพราะรู้ว่าเขาโดดเรียนแน่ๆ  
          
               ฉันลืมกล่องปากกาอีกแล้วหรอเนี่ย ฉันช่างขี้ลืมเสียจริง  ฉันบ่นกับตัวเองระหว่างทางที่เดินกลับไปเอาของที่ห้อง  เอ๋..มีคนอยู่ในห้อง  
      รู้สึกว่าจะเป็นบาสกับกลุ่มเพื่อนของเขา

      “แกคบกับแก้วอยู่หรอ”เพื่อนชายคนหนึ่งของบาสเอ่ยถามขึ้น  ทำให้ฉันต้องแอบหลบอยู่ข้างประตูเมื่อรู้ว่าเรื่องที่เขาพูดเกี่ยวข้องกับฉัน  

      “บ้าหรือเปล่า”บาสตอบอย่างไม่คิด  

      “แต่มีคนเห็นแกกับแก้วไปกินข้าวด้วยกันนะ” ประโยคนี้ได้ดึงความสนใจของเพื่อนในกลุ่มเป็นอย่างดี  ทุกคนจับจ้องมาที่นายบาส  

      “อาฉันก็ไปด้วย  ไม่ได้ไปกันสองต่อสองซักหน่อย”  

      “แล้วแกชอบแก้วหรือเปล่า”คงเป็นคำถามสุดท้ายแล้วมั้งที่พวกเขาจะถามบาส  ฉันคิดอย่างนั้น  

      “ฉันนี่นะชอบแก้ว  คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องไปชอบไปจีบให้มันยากหรอก  ให้ผู้หญิงมาชอบก็พอ เดี๋ยวมันก็ปล่อยตัวให้เองแหละ”  ความรู้สึกที่ฉันเคยคิดว่าเขาดูอ่อนโยนมันละลายหายไปหมดเมื่อฉันได้ยินเขาพูดประโยคนั้นจบ   หลังจากวันนั้นฉันพยายามไม่พูดกับนายบาส  หลายครั้งที่เขามองฉันแล้วส่งสายตาเชิงสงสัย  ฉันก็จะหันหนีฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาเลยเพราะมันทำให้ฉันนึกถึงคำพูดของเขาในวันนั้น  

      “นี่จะไปไหน”ฉันพยายามเดินหนีนายบาส  แล้วเขาก็ฉุดแขนฉันไว้  

      “เธอเป็นอะไร  ทำไมไม่พูดกับฉัน” ฉันมองหน้าเขาแล้วตอบไปว่า

      “เปล่า..ไม่ได้เป็นอะไร”  

      “ไม่จริงอ่ะ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้”  

      “ฉันจะเป็นแบบไหนก็ช่าง เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง” ฉันสลัดแขนจนหลุดจากมือของนายบาสแล้วฉันก็วิ่งเข้าห้องเรียน  

      “แก้ว…ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อย” เสียงกล่าวที่พอให้ฉันได้ยินจากปากของนายบาสที่เดินผ่านไป  ในตอนเย็นวันนั้น    ฉันรอเขาจนคนในห้อง
      เบาบางลงและไม่มีใครอยู่ในห้อง  

      “มีอะไรก็ว่ามาฉันรีบ” ฉันกล่าวขึ้น  

      “คือ..เอ่อ..จะว่ายังไงดีอ่ะ”  

      “อะไรของนายอ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ  แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่อง” ฉันเริ่มอารมณ์เสียเล็กน้อย  

      “คือ..ฉันชอบเธออ่ะ  ที่เธอไม่คุยกับฉันทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเลย ”  คำพูดที่ออกจากปากเขาทำให้ฉัน

      อึ้งไปพักหนึ่ง  แต่ฉันยังนึกถึงคำพูดประโยคนั้นที่เขาดูถูกผู้หญิงฉันจึงตอบกลับไปว่า

      “หรอ..แล้วไงล่ะ  อย่าคิดนะว่าฉันจะชอบนายกลับ  ฝันไปเถอะ”  นี่น่ะหรอเรื่องที่เขาจะบอกกับฉัน  แกล้งกันชัดๆ   แต่พอวันต่อมาเขาก็ไม่มาโรงเรียน  หรือฉันพูดกับเขาแรงไป  ไม่หรอกเขาอาจจะแค่ไม่สบาย  เขาหยุดเรียนไป 3 วัน  พอเขามาโรงเรียนเขาก็ดูร่าเริงขึ้นมากเลยทีเดียว  ทำให้ฉันอดนึกถึงเรื่องเมื่อวันก่อนไม่ได้  เขาคงแกล้งฉันเล่นจริงๆนั่นแหละ  
          
              
                ฉันชอบมาบนดาดฟ้ามากๆเลย  เพราะมันมีลมโกรกไม่ขาดสาย  มีท้องฟ้าที่ดูสบายตา  ทำให้ฉันรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย  

      “ใครเอาเปลือกลูกอมมาทิ้งไว้เนี่ย” ฉันก้มลงหยิบเปลือกลูกอม  ฉันก็รู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ตรงหน้า  

      “ฉันทิ้งไว้เองแหละ  มีอะไรหรือเปล่าล่ะ”  อ่อ นายบาสนี่เอง  

      “ก็ไม่มีอะไรเพียงแต่อยากบอกว่า ที่บ้านไม่มีถังขยะให้ใช้หรือไง ถึงไม่รู้จักถังขยะ”  

      “ผมเริ่มรู้จักละ…เธอไง  เป็นถังขยะ” ฉันเริ่มฉุน  

      “นายปากเสียดีนี่” นายบาสส่งสายตาเจ้าเล่ห์และพูดต่อมาว่า

      “งั้นผมจะเอาปากเสียๆของผมลงถังขยะละกันนะ” ณ วินาทีนั้นทำให้ฉันแทบหยุดลมหายใจ เมื่อนายบาสเบนหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบฉัน

      \"พลั่ก! นายทำอะไรของนาย\" ฉันผลักเขาออกไป เขาดูตกใจเกล็กน้อย  

      “เรื่องวันก่อนฉันพูดจริงนะ  และฉันจะทำให้เธอหันมารักฉันให้ได้” เขาพูดพร้อมเดินออกไป  ทิ้งฉันให้อยู่กับความตกตะลึงเพียงผู้เดียว  เมื่อกี้อะไรกันนะล้อเล่นใช่ไหม  ทำไมฉันถึงต้องมาเจอเรื่องอย่างนี้ด้วยเนี่ย  เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ฉันนึกขยาดที่จะไปที่ดาดฟ้าอีก  


      “ว้าว..นั่นใครน่ะเล่นบาสเก่งจังเท่ห์ชะมัด” เสียงของนักเรียนหญิง  ที่ดึงความสนใจทำให้ฉันต้องหันไปดูนักบาสคนที่พวกหล่อนกำลังชื่นชม  
      กรรมล่ะ นายบาสนั่นเอง ฉันสะดุ้งเมื่อนายบาสหันมาพร้อมส่งสายตาเชิงคนรักมาที่ฉัน  

      “ว้าย..เมื่อกี้พวกเธอเห็นไหม  เขาส่งสายตามาให้ฉันด้วย”  ผู้หญิงข้างหลังฉันคนหนึ่งพูด  เจ้าชู้ชะมัด..ที่แท้ก็เหล่สาวนี่เอง ฉันเดินออกมา  จากบริเวณรอบๆสนามบาส  

      “แก้วจะไปไหนน่ะ..รอด้วย” นายบาสอีกแล้วหรอเนี่ย  

      “เมื่อกี้เธอมาเชียร์ฉันแข่งบาสด้วยหรอ…ขอบคุณนะ”  รู้สึกว่านายนี่จะคิดเอาเองไปหมด  

      “อย่ามามั่วฉันยังไม่รู้มาก่อนเลยว่านายแข่งวันนี้”  

      “ว้า..แย่จัง  ฉันอุตส่าห์บอกคนในทีมว่าจะออกมาหาแฟนขอเปลี่ยนตัวเล่นก่อน”  ฉันไม่สนใจคำพูดเขาแต่ทันทีที่ฉันหันไปทางสนามบาสที่นายบาสวิ่งมา  ก็ต้องตะลึงกับสายตาหลายๆคู่ที่มองมาทางฉันอย่างพร้อมใจกัน  

      “วิด ..วิ้ว..จู๋จี๋กันจริง  ระวังน้ำตาลเรียกทวดนะบาส”เสียงแซวจากรุ่นพี่ชายคนหนึ่งในทีมของนายบาส  หลังจากนั้นทำให้ฉันกับบาสเป็นที่ฮือฮาในหมู่นักเรียนอย่างมาก  แต่ฉันกับบาสก็เป็นเพื่อนกันเท่านั้น  

      “แก้ว..เธอมีใครอยู่ในใจแน่ๆถึงได้ไม่รับรักฉัน”  เสียงนายบาสพร้อมเจ้าของเสียงเดินมาข้างๆ  

      “ฉันจะมีใครอยู่ในใจได้ยังไงล่ะ ก็ผู้ชายมันเลวกันทุกคนนั่นแหละ” ฉันตอบแนวประชดประชัน  

      “กำ ... อย่าเหมารวมสิฉันไม่เลวนะ”  นายนั่นพูดออกมาเต็มปากได้ยังไงทั้งๆที่ นายเคยกล่าวประโยคเลวๆพวกนั้น  ฉันโกรธมากจนพลั้งปากออกมาว่า

      “ก็นายนั่นแหละที่เลว  นายนั่นแหละที่ทำให้ฉันเกลียดผู้ชาย”  ฉันตกใจตัวเองที่พูดไปอย่างนั้น ฉันเห็นสีหน้าของเขาในตอนนั้นดูเขาเครียดมาก เขาดึงแขนทั้งสองข้างของฉัน  ฉันคิดว่าฉันต้องโดนดีแน่ๆ ฉันหลับตาปี๋ แต่ไม่ยักมีอะไรเกิดขึ้น ฉันลืมตาขึ้นด้วยความหวาดกลัว  แต่ฉันต้องอึ้งหลังจากที่เขากล่าวประโยคหนึ่งจบ

      “จริงหรอ…ขอโทษละกันนะ” คำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกจากปากของคนอย่างเขา  คนที่ไม่เคยยอมใคร  

      “วันเสาร์นี้เธอมาหาฉันที่โรงเรียนนะ  ฉันมีบางอย่างจะบอกเธอ และให้เธอตัดสินใจ…แล้วฉันจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีกถ้าเธอต้องการ”  
      สีหน้าของเขาดูจริงจังมากเหมือนกับว่าฉันต้องไปให้ได้  เขากล่าวจบก็เดินจากไป  ฉันเลยคิดว่าต้องมีอะไรสำคัญแน่ๆ

      “ขอบคุณนะที่อุตส่าห์มา” ฉันหันไปหาต้นเสียงนั้น ก็พบกับนายบาสเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาในสภาพที่ไม่ใช่ชุดนักเรียน เขาดูดีมากทีเดียวใน
      ชุดนั้น  

      “ขึ้นรถมาสิ”เขาพูดแล้วเปิดประตูให้ฉันขึ้นรถของเขา  

      \"ทำไมฉันจะต้องขึ้นรถนายด้วยล่ะ เกิดนาย..\" ฉันอุบไว้แค่นั้นเพราะ นายบาสทำหน้าเหมือนจะปล่อยก๊ากออกมา

      \"ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า..หรือว่าเธอกลัว55\" สีหน้าดูถูกกันสุดๆ ทำไมฉันจะไม่กล้าขึ้นหนอย

      สักพักใหญ่ๆที่ฉันนั่งบนรถของเขา ทำให้ฉันอดความสงสัยไม่ได้  

      “นี่..นายจะพาฉันไปไหน  ทำไมมันไกลนักล่ะ” ดูจากความเร็วที่เขาขับบวกกับเวลาแล้วก็สามารถบ่งบอกฉันได้  

      “เหอะน่า เดี๋ยวก็รู้อย่าถามมาก”นี่เป็นคำตอบที่ฉันได้รับมันทำให้ฉันรู้สึกแย่นิดๆ   และเขาก็ทำให้ฉันตกใจเขาขับไปทางเปลี่ยว  

      “ตกลงไปไหนกันแน่  ถ้านายไม่บอกล่ะก็ ฉันจะลงตรงนี้”  เขาจอดรถสีหน้าเขาบ่งบอกว่าโกรธมากเลยทีเดียว

      “ฉันบอกแล้วนะว่าอย่าถามมาก เธอนี่หลอกง่ายจังนะรู้ไหม” สีหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนแต่ฉันต้องตกใจอีกครั้ง  เขาโถมตัวมาที่ฉันแล้วจับแขนทั้งสองข้าง

      “นี่นายจะทำอะไรน่ะ  ปล่อยฉันนะ”  ฉันพูดแล้วพยายามยันให้นายบาสออกไปห่างๆ แต่รู้สึกว่าแรงเขาเยอะเหลือเกิน

      “ก็เธอบอกเองไม่ใช่หรอว่าฉันเลว ฉันก็จะเลวให้เธอดูไง” ฉันหลงกลเขาแล้วหรือไง  ฉันไม่น่าเชื่อเขาเลย  ทั้งๆที่เขาก็เคยพูดอย่างนั้นแล้ว น้ำตาฉันเริ่มไหล  ระหว่างที่เขาซุกหน้าของเขามาที่คอฉัน  

      “เต็มใจหรือไงไม่ร้องให้คนช่วยเลย  อ้าวกำ…หลอกเล่นแค่นี้ร้องไห้ซะอีก  นี่เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอหรือไงฮ่าๆบ้าน่ะ” เขาผละตัวออกจากฉัน แล้วกลับไปนั่งที่คนขับเพื่อเดินทางต่อไป  นี่มันเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไงเห็นฉันเป็นอะไรถึงจะมาแกล้งกันอย่างนี้

      “ว้าว  สวยจัง” เขาพาฉันมาที่ทะเล  ฉันเดินไปรอบๆชายหาดบริเวณร่มไม้ ที่เงียบและร่มรื่น  

      “ฉันชอบเธอมานานแล้ว  ชอบตั้งแต่ตอนประถมแล้วเธออาจจำฉันไม่ได้  ฉันเป็นคนที่กำลังจะถูกจับไปเรียกค่าไถ่  พอเธอเห็นเธอก็ตะโกนเรียกตำรวจ  แถมเธอยังกล้าหาญวิ่งเข้ามากัดโจรลักพาตัวที่กำลังจับฉันใส่รถตู้  ทำให้ฉันรอดมาได้  ฉันไม่รู้นะว่าแก้วจะเห็นฉันเป็นคนยังไง  แต่ฉันรักแก้วนะ”  ฉันหยุดเดินและหันมาคุยกับเขา

      “นายอย่ามาหลอกฉันอย่างที่หลอกใครต่อใครมาเลย” ฉันตอบ  

      “ใช่..ฉันเคยคิดว่าผู้หญิงเป็นของเล่นมาก่อน แต่แก้วทำให้ความคิดนั้นเปลี่ยนไป  เธออาจได้ยินตอนนั้นสินะ  ฉันแค่ไม่อยากให้ไอ้พวกนั้นมันมายุ่งกับเธอน่ะสิ  ฉันเลยพูดอย่างนั้นไป\"  

      “แล้วเกี่ยวอะไรกับการที่นายประกาศให้ใครต่อใครคิดว่านายเป็นแฟนฉันล่ะ”  

      “ใครๆก็คิดว่าฉันล้อเล่น  ทั้งๆที่ในความเป็นจริงฉันอยากใกล้ชิดเธอเท่านั้น  พรุ่งนี้เธอมาให้คำตอบที่ดาดฟ้านะ  ฉันจะรอถ้าเธอไม่มาแปลว่าเธอปฏิเสธฉัน  และเมื่อนั้นฉันจะไม่มายุ่งกับเธออีก”  

      “คนหลอกลวงฉันไม่ไปเด็ดขาด” นั่นคือคำตอบที่เขาได้รับ


      “แม่คะ  ไอศกรีมที่อยู่บนโต๊ะแม่ช่วยเอาเข้าตู้เย็นให้หน่อยได้ไหมคะ”  ฉันตะโกนจากชั้น2ของบ้าน  เฮ้อทำไมวันนี้รู้สึกแปลกๆนะ  หรือจะเป็น
      เรื่องนายบาส…ไม่มีทางหรอก   อืมแต่เขาดูภายนอกออกจะแข็งก้าวร้าวไปหน่อยแต่นายนั่นก็ใจดีไม่เบาเลย  นี่ฉันคิดอะไรนี่ไม่ฉันไม่มีทาง
      ชอบนายนั่นแน่  คืนนั้นฉันถึงกลับนอนไม่หลับ  พอวันต่อมาฉันก็พยายามไม่ไปหาเขาที่ดาดฟ้า  ไม่มีใครเห็นเขาที่ห้องเรียนคงอาจเป็นเพราะ
      เขารอฉันอยู่  แต่ฉันก็ตัดใจว่าจะไม่ไป

      “ลูกมีโทรศัพท์มาหาลูกแน่ะ” เสียงเรียกให้ฉันไปรับโทรศัพท์  

      “สวัสดีค่ะ”  

      “หวัดดีแก้ว  ขอโทดนะที่เราทำให้แก้วรำคาญใจมาโดยตลอด  ต่อจากนี้เราจะไม่มาให้เธอเห็นหน้าอีก …ตืดๆ…”  เขาโทรมาบอกลาสินะ แต่เขาพูดเหมือนกับว่าเขาจะไปไหน  ช่างเหอะฉันไม่สนอยู่แล้ว  และฉันก็ได้รู้ว่าฉันคิดผิดมาโดยตลอด  ฉันปิดกั้นตัวเอง  เมื่อฉันมารู้ทีหลังว่าเขาย้ายออกจากโรงเรียนไป  ตอนนั้นฉันรู้สึกช็อคมาก ทุกๆช่วงปิดเทอมฉันจะไปที่ทะเลแห่งนั้น  เป็นที่ที่เขาบอกรักฉัน  และเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นเขา  ฉันมารู้ตัวอีกทีเมื่อรู้ว่าสายไปเสียแล้ว..


      สามปีแล้วสินะ  นับตั้งแต่วันที่ฉันมาที่นี่..กับเขา  ถึงแม้ว่ามันจะผ่านไปนานสักแค่ไหน แต่ฉันก็ยังไม่ลืมเขาเลยที

      “นี่ เธอคนนั้นจะเดินลงทะเลหรือไง”ฉันสะดุ้งเมื่อรู้ตัวว่าฉันเดินลงทะเลจนน้ำถึงเอวแล้ว

      “ตูม..”ผู้ชายคนเมื่อครู่กระโดดน้ำลงมา เขาดึงฉันขึ้นมาบนสระ

      “เธอจะบ้าหรือไง ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอเสียใจเรื่องอะไร แต่รักชีวิตหน่อยเซ่” ฉันมองหน้าเขาแล้วน้ำตาก็รินไหลไม่หยุด ถึงแม้ความมืดจะทำให้ฉันเห็นเขาไม่ชัดแต่..

      “บาส..”ฉันพูดขึ้น ทำให้เขาตกใจเล็กน้อย

      “แก้ว..”เขาพูดแล้วดึงฉันเข้าไปกอด

      “ใครทำเธอเสียใจ..ฉันจะไปฆ่ามัน”คำพูดนั้นทำให้ฉันรู้ว่าเขายังเหมือนเดิม

      “แก้วคิดถึงบาส”ฉันพูดในสิ่งที่ฉันควรจะพูดเมื่อสามปีที่แล้ว แต่ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะพูดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดอีก

      “ฉันก็คิดถึงเธอ แต่เธอทำให้ฉันคิดว่าเธอเกลียดฉัน”เขาพูดเหมือนจะร้องไห้

      “บาสยังรักแก้วอยู่หรือเปล่า”ฉันถามทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจว่าจะทำใจได้หรือเปล่าถ้าเขาเปลี่ยนใจ  

      “รักสิ..ยังรักเหมือนเดิม” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง ซึ่งฉันรับรู้ได้จากสายตาของเขา

      “บาสจะต้องไม่จากแก้ว ไปไหนอีกนะ”

      “แน่นอน  ถ้าแก้วต้องการ”คำตอบที่ทำให้ฉันดีใจเป็นที่สุด  วันเวลาที่ฉันเคยเรียกหาให้ย้อนคืนมา  ตอนนี้ทุกอย่าง  มาอยู่ตรงหน้าฉันแล้วฉันจะไม่ปล่อยให้มันเป็นอย่างเดิมอีก ฉันเดินจูงมือเขา ท่ามกลางความยินดีของเหล่าคลื่นทะเล

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×